“น้ำ” ถึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกครัวเรือนทั้งเพื่อบริโภคและอุปโภค ดังนั้นน้ำจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย แต่ในหลายๆ พื้นที่โดยเฉพาะบ้านที่มีสมาชิกในครอบครัวมากกว่า 5 คนขึ้นไป หรือครัวเรือนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากชุมชนหน่อยก็อาจจะมีปัญหาเรื่องน้ำสำหรับอุปโภคและบริโภคไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ดังนั้นสิ่งที่จะมาช่วยแก้ปัญหาให้แก่ทุกท่านนั่นก็คือ “ถังเก็บน้ำ” นั่นเองครับ
ถังเก็บน้ำ คืออะไร?
ถังเก็บน้ำ แทงก์น้ำ ถังพักน้ำ เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับการประปาชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อกักเก็บน้ำไว้เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้งานยามที่ประปามีปัญหา เช่น น้ำไม่ไหล ประปาท่อหลักชำรุดเสียหาย หรือการสำรองน้ำไว้ในเพียงพอต่อการใช้งานของคนในครอบครัวที่บางครั้งหากใช้การเปิดน้ำประปาตามปกติ เหมือนใช้พร้อมกันหลายๆ คนก็อาจจะทำให้การปั๊มน้ำไม่เพียงพอได้
ความสำคัญของถังเก็บน้ำนั้นมีมากกว่าไว้ช่วยเก็บสำรองน้ำไว้จากปั๊มไว้ใช้ แต่ยังช่วยให้นำสะอาดเพราะตะกอนและสิ่งสกปรกต่าง ๆ จะนอนอยู่ที่ก้นถัง หรือทำหน้าที่เป็นถังพักตะกอนนั้นเอง ซึ่งก็จะทำให้น้ำที่เราเปิดมาใช้สะอาด นอกจากนี้ถังเก็บน้ำยังช่วยลดแรงดันน้ำซึ่งมีความสำคัญต่อเครื่องปั๊มน้ำ ถังเก็บน้ำช่วยให้ปั๊มน้ำทำงานได้อย่างเหมาะสม ไม่หนักเกินไป และยังปรับแรงดันน้ำให้เหมาะสมกับการใช้น้ำในบ้าน
โดยปกติทั่วไปแล้วถังเก็บน้ำนั้นจะมีอยู่ 2 แบบคือ
1. ถังเก็บน้ำบนดิน
แทงก์น้ำบนดินเป็นถังเก็บน้ำที่เหมาะสำหรับใช้ในครัวเรือน สามารถติดตั้งไว้บริเวณพื้นที่ใกล้ๆ บ้าน หรือไว้ด้านบนอาคารก็ได้ ข้อดีของถังเก็บน้ำบนดิน คือสามารถดูแลรักษาง่าย เวลาซ่อมบำรุงไม่ยุ่งยาก หรือหากต้องการยกย้ายเปลี่ยนที่ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
2.ถังเก็บน้ำใต้ดิน
เป็นแทงก์น้ำที่นิยมฝังไว้ใต้ดิน ทำให้รอบๆ บ้านมีความสวยงามเรียบร้อย ไม่มีแทงก์น้ำเกะกะขวางสายตา แต่ข้อเสียของการใช้ถังเก็บน้ำใต้ดินคือดูแลรักษายาก ติดตั้งได้โดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญสูงเท่านั้น ไม่เช่นนั้นอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้
วัสดุแทงก์น้ำ ถังเก็บน้ำบนดิน ถังเก็บน้ำแบบไหนดี ?
ถึงแม้ว่าถังเก็บน้ำนั้นจะมีอยู่ 2 แบบ แต่หัวข้อวันนี้หลักๆ ที่เราจะเน้น ผมจะขอเน้นไปที่ถังเก็บน้ำบนดินเป็นหลักเนื่องจากถังเก็บน้ำบนดินนั้นเป็นที่นิยมใช้งานมากกว่าใต้ดิน และยังมีวัสดุให้เลือกใช้มากมายแล้วแต่ความชอบ และความสะดวกใจของผู้ใช้งานเป็นหลัก เช่น
1. ถังเก็บน้ำสเตนเลส
วัสดุจากสเตนเลสเป็นวัสดุที่นิยมอย่างมาก และยังถูกนำไปใช้กับหลากหลายชนิด สาเหตุที่สเตนเลสเป็นที่นิยมมากเพราะว่า เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงสูง ทนทาน อายุการใช้งานนาน เนื้อเหนียว ทนต่อความชื้น ทนต่อการกัดกร่อน ทำให้ไม่เป็นสนิมและมีความทึบแสงสูง ส่งผลให้ให้ภายในถังเก็บน้ำไม่มีตะไคร่น้ำ น้ำหนักเบาทำให้เคลื่อนย้ายสะดวก มีให้เลือกหลายทรง เช่น ถังเก็บน้ำทรงกลม แทงก์น้ำแบบพื้นนูน ถังเก็บน้ำทรงอ้วน ถังเก็บน้ำทรงผอมสูง ราคาถังเก็บน้ำสเตนเลสมักจะมีราคาสูง เริ่มต้นประมาณ 6,000 – 8,000 บาท
2. ถังเก็บน้ำโพลิเมอร์แบบทึบแสง
เป็นถังเก็บน้ำที่ผลิตจากวัสดุโพลิเมอร์มีคุณสมบัติเด่นคือมีความทึบแสงสูง ช่วยป้องกันรังสี UV จากแสงแดด ทำให้ทนทาน มีปลอดภัยสูง ไม่ต้องกังวลเรื่องสารปนเปื้อนแน่นอน มีสีสันให้เลือกหลายสีหลายแบบ ราคาถังเก็บน้ำโพลิเมอร์ราคาไม่ค่อยแพงมาก ทำให้เป็นที่นิยมมาก โดยราคาจะเริ่มต้นอยู่ที่ 5,000
3. ถังเก็บน้ำเอลิเซอร์ (Elizer)
ถังเก็บน้ำแบบเอลิเซอร์มีคุณสมบัติพิเศษคือ เป็นวัสดุเกรด Foodgrade ซึ่งเป็นเกรดปลอดภัยกับอาหารที่เหมาะสมและได้รับการรับรองว่า สามารถบรรจุน้ำสำหรับดื่มได้อย่างปลอดภัย ตัวเนื้อถังเก็บน้ำมีการผลิตด้วยการควบคุมคุณภาพสูง ป้องกันการหลุดลอกของสีและไร้สารปนเปื้อนภายในถังน้ำ ป้องกันการเกิดตะไคร่น้ำ สิ่งสกปรกและเชื้อโรค ไร้กลิ่น และแข็งแรงทนทานสูง ถังเก็บน้ำเอลิเซอร์ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4,000 – 6,000 บาท
4. ถังเก็บน้ำ PE ไม่ทึบแสง
คือถังน้ำโพลิเมอร์ชนิดไม่ทึบแสง หรือ เรียกอีกอย่างว่า ถังเก็บน้ำ PE สีฟ้า สร้างจากวัสดุโพลิเมอร์ (Polymer) เป็นถังเก็บน้ำที่มีความแข็งแรง เนื้อเหนียว ไม่ก่อให้เกิดสนิม ผ่านการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ไร้สารที่ปนเปื้อน แต่ว่า ถังเก็บน้ำ PE เป็นถังน้ำที่ไม่เหมาะที่จะตั้งไว้กลางแจ้ง หรือ ที่ๆ มีแสงส่องผ่านเนื่องจาก ถัง PE มีคุณสมบัติไม่ทึบแสง ส่งผลให้แสงสามารถลอดผ่านตัวถังเข้าไปสัมผัสกับน้ำได้และเกิดตะไคร่น้ำและมีอายุการใช้งานไม่เยอะมาก ถังเก็บน้ำเอลิเซอร์ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 500 – 1,000 บาท ซึ่งถือเป็นถังเก็บน้ำที่มีราคาต่ำที่สุด
5. ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส (fiberglass)
เป็นถังน้ำที่ที่มีความแข็งแรงทนทานสูง เนื้อเหนียวแต่ก็มีความยืดหยุ่นสูงทำให้สามารถรองรับแรงอัดของน้ำได้ดี ป้องกันสนิม สามารถนำไปตั้งในร่ม กลางแจ้งหรือฝังใต้ดินก็ได้ มีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 10 ปี ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4,000 – 6,000 บาท
วิธีเลือกขนาดของถังเก็บน้ำบนดิน
“ควรเลือกถังเก็บน้ำขนาดไหนถึงจะเหมาะสม?” หลายๆ บ้านที่อาจจะกำลังตัดสินใจซื้อถังเก็บน้ำ อาจจะสงสัยว่า แล้วควรจะเลือกอย่างไรถึงจะเพียงพอต่อการสำรองใช้งาน ผมสามารถแนะนำตามนี้ครับ
| ขนาดถังน้ำ | จำนวนผู้ใช้น้ำที่เหมาะสม | รูปแบบการใช้งาน |
| ถังเก็บน้ําบนดิน 500 ลิตร | 1- 2 คน | บ้าน |
| ถังเก็บน้ําบนดิน 1000 ลิตร | 4 – 6 คน | บ้าน , ทาวน์โฮม , ทาวน์เฮ้าท์ |
| ถังเก็บน้ําบนดิน 2000 ลิตร | 8- 10 คน | บ้าน , ทาวน์โฮม , ทาวน์เฮ้าท์ |
| ถังเก็บน้ําบนดิน 3000 ลิตร | 15-20 คน | อาคารพาณิชย์ |
| ถังเก็บน้ําบนดิน 5000 ลิตร | 30 คน | อาคารพาณิชย์ |
สูตรคำนวณการสำรองน้ำ
สำหรับใครที่ต้องการถังเก็บน้ำเพื่อใช้สำรองน้ำให้เพียงพอต่อการใช้งาน สามารถใช้สูตรการคำนวณดังนี้
- จำนวนผู้ใช้งาน
- ปริมาณการใช้น้ำของต่อคนและต่อวัน
- ปริมาณวันที่ต้องการสำรองน้ำ
ยกตัวอย่างเช่น ครอบครัวหนึ่งมีสมาชิกภายในบ้าน 6 คน แต่ละคนจะต้องใช้ปริมาณการใช้งานน้ำประมาณคนละ 300 ลิตรต่อวัน และต้องการสำรองน้ำให้เพียงพอต่อการใช้งานอยู่ที่ 7 วัน ก็ให้ใช้สูตรคำนวน ดังนี้ 6 X 300 X 7= 12,600 ลิตร ดังนั้นถังเก็บน้ำที่บ้านของคุณต้องการอาจจะต้องหาถังเก็บน้ำขนาด 5,000 ลิตร 2 ถัง และ ถังเก็บน้ำชนิด 3,000 ลิตร 1 ถังนั้นเอง
ถังเก็บน้ำยี่ห้อไหนดี
ถังเก็บน้ำ DOS
- ผลิตด้วย Polyethylene Innova by Ptt Global Chemical
- มีความทนทาน หรือ ความคงทนต่อสภาพแวดล้อม
- มีวัสดุเกรด Foodgrade และผ่านการรับรองมาตรฐานจาก EU Food Contact , U.S. FDA
- ถังเก็บน้ำมีเนื้อเหนียว ผลิตจากคุณภาพสูงเป็นเนื้อเดียวกัน สีไม่หลุดลอกง่าย ไม่มีกลิ่น
- ปลอดภัย ไร้การปนเปื้อน
- มีให้เลือกหลากหลายรุ่น
ถังเก็บน้ำ WAVE
- ผลิตจากวัสดุโพลิเมอร์ชนิดทึบแสง ซึ่งช่วยลดการเกิดเชื้อแบคทีเรีย ลดการเกิดตะไคร้น้ำ ทำให้น้ำมีความสะอาด ปลอดภัย
- มีวัสดุ วัสดุเป็นสาร Food Grade ที่ผ่านมาตรฐานการรับรอง
- มีให้เลือกหลายรุ่น หลากหลายรูปทรง สามารถเลือกใช้ได้หลายตัวเลือก
ซึ่งนอกเหนือจาก 2 ยี่ห้อนี้ก็มีถังเก็บน้ำอีกหลากหลายยี่ห้อที่ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเลือกถังเก็บน้ำยี่ห้อไหน ก็ควรเลือกถังเก็บน้ำที่มีตรามาตรฐานการรับรอง มอก. ด้วย เพราะหากเลือกถังเก็บน้ำที่ไม่มีมาตรฐานอาจจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดปนเปื้อนผ่านน้ำ เสี่ยงต่อการติดเชื้อกับแบคทีเรีย อายุการใช้งานต่ำอีกด้วย
