“กระเบื้อง” ถือเป็นวัสดุปูพื้นยอดนิยมที่หลายๆ บ้านมักจะเลือกนำมาปูพื้นที่บ้าน เพราะว่ากระเบื้องเป็นวัสดุที่หาซื้อง่าย ราคาถูก มีอายุการใช้งานยาวนาน (หากเลือกชนิดของกระเบื้องเหมาะกับการใช้งานได้ถูกต้อง) แถมการปูกระเบื้องนั้นก็สามารถหาช่างมาดำเนินการปูหรือซ่อมได้ง่าย หรือในกรณีที่เจ้าของบ้านอยากจะลองปูกระเบื้องด้วยตัวเองก็สามารถศึกษาวิธีปูด้วยตัวเองได้ด้วยวิธีง่ายๆ ที่เรานำมาแนะนำดังนี้ 

มาตรฐานกระเบื้องปูพื้นหรือกระเบื้องผนังคืออะไร 

1. เลือกประเภทกระเบื้องให้ดี 

ขั้นตอนแรกก่อนที่จะปูกระเบื้องก็คือจะต้องเลือกชนิดหรือประเภทกระเบื้องสำหรับการใช้งานให้ดี เพราะกระเบื้องแต่ละชนิดนั้นมีลักาณะการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น 

  • กระเบื้องเซรามิกมีราคาถูก มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หลายสีให้เลือก แต่ข้อเสียคือไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
  • กระเบื้องโมเสค มีสีสันสวยงาม อัตราการซึมน้ำน้อย เหมาะกับปูในห้องน้ำ สระว่ายน้ำ ห้องครัว ข้อเสียคือ ราคาแพงมาก 
  • กระเบื้องยาง มีความยืดหยุ่นสูง ลดการเกิดอุบัติเหตุ แต่ข้อเสียคือราคาแพง 
  • กระเบื้องหินอ่อน มีลวดลายสวยงาม ส่งเสริมให้บ้านมีความหรูหรา ข้อเสียคือ มีราคาแพง และมีขูดขีดเป็นรอยได้ 

ซึ่งการเลือกกระเบื้องที่ถูกประเภทการใช้งาน จะช่วยยืดอายุการใช้งานและช่วยลดการซ่อมแซมบ่อยๆ ในอนาคตได้ 

2. คำนวณพื้นที่และกระเบื้อง

ก่อนซื้อกระเบื้องคือจะต้องคิดสูตรพื้นที่ความกว้างของห้องได้ เพื่อการป้องกันการซื้อกระเบื้องเกิน หรือซื้อมาผิดขนาด โดยสูตรคำนวนก็คือ พื้นที่ห้อง = ด้านกว้าง x ด้านยาว 

3. ควรเลือกกระเบื้องชนิดเดียวกันในห้อง 

ใน 1 ห้องไม่ควรปูกระเบื้องหลากหลายชนิดในห้องเดียวกัน เพราะคุณสมบัติของแต่ละชนิดนั้นมีขนาดไม่เท่ากัน แถมแต่ละชนิดเหมาะกับกรใช้งานไม่เหมือนกัน การที่นำกระเบื้องที่มีการใช้งานไม่เหมาะสมมาปูด้วยกันจะทำให้พื้นไม่สมบูรณ์และเสี่ยงต่อการซ่อมบ่อย แถมยังส่งผลต่อความสวยงามอีกด้วย 

ถ้ารู้วีธีวัดระดับปูกระเบื้องแล้วแล้ว เฮียเชษฐมีสินค้ากระเบื้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กระเบื้องปูพื้น, กระเบื้องยาง, กระเบื้องแกรนิตโต้ พร้อมสร้างสรรค์ไอเดียให้เป็นจริง จัดส่งรวดเร็วถึงหน้าไซต์งาน

ก่อนปูกระเบื้อง
ควรเตรียมพื้น ก่อนปูกระเบื้องอย่างไร

การปูกระเบื้องนั้นถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ซึ่งการทำงานศิลปะนั้นหากจะให้ออกมาดีนั้นจะต้องมีการเตรียมงาน เตรียมพื้นผิวของวัสดุก่อนลงแปลงพู่กันฉันนท์ใด การปูกระเบื้องพื้นก็มีหลักการตรวจสภาพพื้นผิวก่อนการปูกระเบื้องฉันท์นั้น การตรวจเช็คสภาพพื้นก่อนการปูกระเบื้องที่ละเอียดรอบคอบเพียงพอจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะของปูกาวและยาแนวได้ดี ลดปัญหากระเบื้องหลุดร่อนกระเบื้องเกิดการยุบตัว หรือปัญหาอื่นๆ ในอนาคต ซึ่งขั้นตอนการตรวจพื้นก่อนปูกระเบื้องจะมีทั้งหมดดังนี้ 

1. วัดระดับความเรียบของพื้น 

พื้นก่อนการปูกระเบื้องที่ดีจะต้องเป็นพื้นผิวที่เรียบ วิธีตรวจดูว่าพื้นห้องนั้นเรียบจริงหรือไม่? สามารถตรวจสอบได้ด้วยการนำไม้สำหรับวัดระดับยาวไม่ต่ำกว่า 2 เมตร นำมาวางบนพื้นผิว จากนั้นสังเกตที่ช่องว่างของไม้วัดระดับคือ ไม้วัดระดับจะต้องแนบพื้นและมีช่องว่างไม่เกิน 5 มิลลิเมตร ในกรณีที่วัดแล้วมีความไม่เท่ากันของพื้นนี้ควรปรับระดับพื้นที่ก่อน ห้ามปูไปทั้งๆ แบบนั้นเพราะจะทำให้เกิดปัญหากระเบื้องไม่เท่ากันในอนาคต 

2. วัดความแน่นและแข็งแรงของพื้นผิว

ก่อนปูพื้นบริเวณนั้นจะต้องมีความแข็งแรง ไม่ยุบตัวเพื่อลดปัญหากระเบื้องหลุดร่อนจากพื้น และพื้นจะต้องมีความแข็งแรง วิธีตรวจสอบว่าพื้นนั้นแข็งแรงพอจะปูกระเบื้องหรือไม่? ก็คือนำตะปูขูดพื้นหลายๆ จุดเพื่อดูว่าผิวหลุดร่อนหรือไม่ หากมีความหลุดร่อนหรือร่วนซุย แปลว่ายังแข็งแรงไม่พอ ต้องแก้ไขก่อน  หรือหากในบริเวณนั้นมีพื้นเป็นปูนปลาสเตอร์เก่า ให้ทำการสกัดออกให้หมดจนเหลือแต่ผิวด้านในที่แข็งแรง

3. วิธีตรวจสอบกระเบื้องเดิม

สำหรับใครจะปูกระเบื้องใหม่ทับกระเบื้องเก่า สิ่งที่ควรทำคือ ควรเช็คความแข็งแรงหรือความยึดติดของกระเบื้องเดิมให้ดีก่อนว่ามีการยึดแน่นกับปูนกาวดีหรือไม่ ด้วยการใช้ค้อนหรือเกรียงเคาะกระเบื้องทีละแผ่นๆ ถ้ามีกระเบื้องที่มีเสียงเหมือนมีกลวงๆ ด้านในให้รื้อแผ่นกระเบื้องแผ่นนั้นออกแล้วปูใหม่ แต่ถ้าเคาะแบบกระเบื้องมีเสียงแน่นทึบ แปลว่ากระเบื้องมีการแข็งแรงสามารถปูทับได้

4. ตรวจสีพื้นก่อนปูกระเบี้อง

ในกรณีที่พื้นผิวหรือผนังทาสีแทนการปูกระเบื้อง หากอยากจะปูกระเบื้องทับสีที่ทาไว้ ควรจะตรวจสอบความแน่นของสีเดิมก่อนว่ามีความยคดแน่นดีหรือไม่? ด้วยวิธีใช้คัตเตอร์กรีดเป็นเส้นในแนวตั้งและแนวนอนเป็นเส้นๆ ขนาดความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ระยะห่างต่อเส้นประมาณ 2 มิลลิเมตร จากนั้นให้เอาเทปใสแปะลงไปแล้วดึงกระชากออกมาเพื่อดูว่ามีสีลอกออกมาหรือไม่ หากมีสีลอกออกมาติดเทปใสเยอะเกิน 80 % แปลว่าพื้นผิวนั้นมีสีลอกไม่เหมาะที่จะปูกระเบื้องทับลงไปให้ทำการขูดสีออกให้หมดก่อนค่อยปูกระเบื้องทับ

5. ทำความสะอาดพื้นก่อนปูกระเบื้อง

พื้นก่อนปูกระเบื้องจะต้องสะอาดไม่มีฝุ่น ผง และคราบมันต่างๆ หากต้องการให้ปูนกาวยึดติดกับพื้นผิวดีและกระเบื้องมีอายุการใช้งานนานต้องทำความสะอาดให้สะอาดก่อน

เป็นมือใหม่ สามารถปูกระเบื้องเองได้ไหม

สำหรับใครที่เป็นมือใหม่อาจจะเป็นกังวลว่า หากต้องการปูกระเบื้องเองนั้นสามารถทำได้หรือไม่ ใช้อุปกรณ์อะไร และต้องทำอย่างไรบ้างถึงจะสามารถปูพื้นได้สวยเนี้ยบเหมือนช่าง เราบอกได้เลยว่า สามารถทำได้อย่างแน่นอน เพียงแต่คุณจะต้องมีความรู้พื้นฐานและมีความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการทำให้ดี คุณก็สามารถปูพื้นกระเบื้องได้สวยงามเหมือนช่างมืออาชีพได้เช่นกัน 

การปูกระเบื้องเองใช้อะไรบ้าง

สำหรับใครที่กำลังคิดว่าจะลองปูกระเบื้องทับกระเบื้องเก่าด้วยตัวเอง ควรจะเตรียมอุปกรณ์ดังนี้ 

  1. กระเบื้องใหม่
  2. ค้อนยาง
  3. เกรียงหวี
  4. ปูนกาว หรือ กาวซีเมนต์
  5. กาวยาแนว
  6. หวีปาดยาแนว หรือ เกรียงยาแนว
  7. ฟองน้ำ
  8. อุปกรณ์วัดระดับน้ำ 
  9. เส้นเอ็นสำหรับตรึงเป็นฉากตะปู
  10. ตะปู
  11. ชอล์กหรือดินสอ

วิธีหาระดับปูกระเบื้อง

การหาระดับปูกระเบื้องในเบื้องต้นนั้นส่วนใหญ่จะต้องใช้อุปกรณ์วัดระดับน้ำ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้วัดและปรับระดับกระเบื้องโดยใช้ระดับน้ำช่วยดูว่า พื้นที่มีความเรียบตรงเสมอกันหรือไม่? เพื่อจะได้ทำฉากตึงยึดไว้ให้ง่ายต่อการปู และช่วยให้การปูกระเบื้องมีระดับเดียวกัน ไม่ลาดเอียง

ขั้นตอนการตั้งฉากปูกระเบื้อง หาแนวปูกระเบื้อง

  1. ให้ใช้ตลับเมตรวัดขนาดความกว้างและความยาวของห้องให้เรียบร้อยเพื่อตรวจพื้นที่ของห้องที่ต้องการปูกระเบื้อง 
  2. ใช้เครื่องมือวัดระดับน้ำ ตรจดูว่าทั้งหมดมีความเรียบเสมอกันหรือไม่ ? ดีให้ไปขั้นตอนถัดไปได้เลย แต่ถ้าห้องนั้นไม่เท่านั้นให้ใช้ตลับเมตรวัดว่ามีความลาดเอียงกว่ากันเท่าไร วิธีการใช้ที่วัดระดับน้ำด้วยวิธีง่ายๆ ก็คือ ให้วางอุปกรณ์ลงไปบนพื้นแล้วดูว่าฟองอากาศภายในอุปกรณ์นั้นอยู่กลางพอดีหรือไม่ หากฟองอากาศด้านในไม่อยู่ตรงกลางแต่เอียงไปซ้ายหรือขวาก็หมายความว่า พื้นหรือกำแพงนั้นๆ เอียงหรือไม่เรียบนั่นเอง หากในกรณีที่จะปูกระเบื้องก็จะได้ใช้เป็นแนวทางการตั้งฉากตรึงเส้นเอ็นเพื่อวางระดับการปูกระเบื้องให้ตรงมากขึ้น 

เช่น ต้องการให้พื้นหนา 5 เซนติเมตร ก็ให้ใช้ตลับเมตรวัดความหนาของพื้นขึ้นมา 5 เซนติเมตร จากนั้นใช้เครื่องวัดระดับน้ำวัดความเรียบของพื้นเพื่อให้ผิวเสมอกัน แล้วขีดเส้นทำสัญลักษณ์ไว้

  1. ทำการตอกตะปูที่มุมห้องทุกด้าน จากนั้นขึงเส้นเอ็นให้สูงอยู่ในระดับเดียวกันกับที่วัดระดับน้ำวัดไว้ เพื่อช่วยให้ง่ายต่อการปูกระเบื้องทีละแผ่น
  2. เมื่อทำฉากขึงทั้งห้องแล้ว ต่อไปก็ต้องทำการจับฉากกระเบื้องด้วยการวางกระเบื้องลงไป 1 แผ่นโดยมุมกระเบื้องจะต้องชิดด้านในฉากทำมุมชัดเจนแล้วทำการจับฉากแล้วขึงให้ตรงกับขนาดของกระเบื้องแผ่น ก็จะได้แนวกระเบื้องสำหรับปูกระเบื้อง ให้ทำซ้ำแบบนี้จนครบทุกแถวหรือทั้งห้อง

ขอบคุณภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=_FxD-6BnmsI

  1. เมื่อทำฉากสำหรับปูกระเบื้องแล้ว ให้เทปูนสำหรับพื้นคอนกรีต แล้ววางกระเบื้องลงไปให้อยู่ระนาบเดียวกับเอ็นที่ขึงไว้ เพื่อป้องกันการเบี้ยวหรือลาดเอียง

วิธีหาระดับปูกระเบื้องห้องน้ำ

สำหรับการวัดระดับน้ำเพื่อปูกระเบื้องสำหรับห้องน้ำนั้นจะไม่เหมือนห้องทั่วไปตรงที่ในห้องน้ำนั้นจะต้องทำพื้นที่ลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อให้ลำเลียงน้ำทิ้งได้สะดวก ซึ่งหากวัดระดับผิดหรือวางตำแหน่งผิดก็อาจจะทำให้เกิดน้ำขังภายในได้ 

วิธีการวัดระดับน้ำและขั้นตอนการขึงฉากจะเหมือนกับการปูกระเบี้องทั่วไปทุกประการ แต่จะแตกต่างกันตรงที่ในห้องน้ำนั้นจะต้องวางแนวให้ลาดเอียงเล็กน้อยเพื่อให้น้ำทิ้งระบายได้สะดวก 

วิธีปูกระเบื้องแบบไม่ใช้ฉาก

  1. ใช้เครื่องมือวัดระดับน้ำเพื่อวัดความลาดเอียงของพื้นที่ให้เรียบร้อย จนได้ระดับน้ำเดียวกันทั้งห้อง
  2. ใช้ตลับเมตรวัดระดับความหนาของพื้นห้อง ซึ่งโดยปกติจะใช้ความหนาอยู่ที่ ไม่น้อยกว่า 5 เซนติเมตร
  3. ทำการตีเต๊าเส้นด้วยการใช้ผงสีฝุ่นหรือผงถ่ายลงในกล่องม้วนเชือกด้านใน แล้วเขย่าให้ผงสีติดเชือกให้หมด จากนั้นดึงเชือกออกจากเต๊า ใช้คน 2 คนจับตรงหัว-ท้ายของเชือกไว้ในระยะหรือตำแหน่งที่ต้องการ แล้วกดเส้นให้นาบกับพื้น/ผนังเพื่อให้ผงสีติดกับพื้น/ผนังงเพื่อให้เกิดแนวเส้นสี
  4. จากนั้นนำกระเบื้องมาวางเพื่อสร้างแนวกระเบื้อง โดยให้วางมุมกระเบื้องชิดผนังด้านในแล้วขึงเชือกหรือเอ็นให้ตรงกับขนาดของกระเบื้องแผ่น ก็จะได้แนวกระเบื้องสำหรับปูกระเบื้อง ให้ทำซ้ำแบบนี้จนครบทุกแถวหรือทั้งห้อง ก็จะได้แนวกระเบื้องสำหรับปูพื้นกระเบื้องได้แล้วด้วยวิธีง่ายๆ 

สรุป

การปูกระเบื้องด้วยตัวเองนั้นสามารถทำเองได้หากมีอุปกรณ์และมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ซึ่งจะต้องมีความเข้าใจเรื่องการวัดฉาก หาระดับน้ำด้วยเพื่อป้องกันพื้นไม่เรียบเสมอกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในกรณีที่คุณเป็นมือใหม่ที่ถ้ายังไม่มีความเข้าใจ หรือไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองจริงๆ แนะนำให้ขอคำแนะนำจากผู้รู้ หรือ ให้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญจริงๆ มาช่วยทำก็จะดีกว่า เพื่อป้องกันการเสียหายในอนาคต

Similar Posts