สำหรับคนที่กำลังวางแผนสร้างบ้านหรือต่อเติมบ้าน อาจจะได้ยินคำว่า “เหล็กกล่อง” แน่นอนครับ เพราะ เหล็กกล่อง (Steel Tube) หรือมีอีกชื่อว่า เหล็กกล่องรูปพรรณ เป็นวัสดุก่อสร้างที่สำคัญชนิดหนึ่งที่ทำมาจากเหล็กรูปพรรณใช้ทำโครงสร้างหลังคาบ้านเพื่อรองรับน้ำหนัก สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย เช่น หลังคาบ้าน งานแปหลังคา งานประกอบทรัสทั่วไป (โครงทรัส หรือ โครงถัก (Truss structures) วันนี้เราจึงมีความรู้เกี่ยวกับเหล็กกล่องมาให้อ่านกันครับ 

ทำไมเหล็กกล่องถึงสำคัญ? 

เพราะเหล็กกล่องเป็นวัสดุที่ช่วยรับน้ำหนักตัวบ้าน และยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ไปประกอบเป็นยานพาหนะบางชนิด โครงเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ โดยมีคุณสมบัติพิเศษคือ มีน้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน มีความยืดหยุ่นสูง ไม่ค่อยสูญเสียรูปทรงง่ายเมื่อนำไปใช้ในงานก่อสร้างมักจะทำให้งานเสร็จอย่างรวดเร็ว ประยุกต์ใช้งาได้หลากหลายรูปแบบ

เหล็กกล่องแต่ละแบบเหมาะกับงานประเภทไหน 

สำหรับการใช้งานของเหล็กกล่องนั้นจำเป็นต้องแบ่งการใช้งานให้ดี เพราะประเภทของเหล็กกล่องแต่ละชนิดจะมีการออกแบบมาเพื่อใช้งานต่างกัน โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1. เหล็กกล่องสี่เหลี่ยม (Square Steel Tube) 

หรือในภาษาช่างจะเรียกกันว่า “เหล็กแป๊บเหลี่ยม” เป็นเหล็กกล่องที่มีลักษณะสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้านในโปร่ง มีความยาวประมาณ 6 เมตรต่อเส้น มีมุมฉาก 90 องศาเรียบคม ไม่โค้งมน ผิวสัมผัสเรียบไม่หยาบกระด้าง มีความแข็งแรงสูง แต่ก็ไม่ได้มากพอจะที่นำไปทำงานขึ้นโครงสร้างได้ เหล็กแป๊บเหลี่ยม เหมาะสำหรับ ทำไปประกอบเป็นห้างนั่งร้าน เสา หรือนำไปใช้ในงานคอนกรีตแทนไม้ 

2. เหล็กกล่องสี่เหลี่ยมแบน
หรือ เหล็กแป๊บแบน (Rectangular Steel Tube)

 

เหล็กกล่องชนิดนี้มีชื่อเรียกในกลุ่มช่างหลากหลายคำเลยครับ เช่น เหล็กกล่องแบน กล่องไม้ขีด เหล็กกล่อง เหล็กหลอดเหลี่ยม เหล็กแป๊บแบน แต่ไม่ว่าจะได้ยินชื่อไหน ให้ทราบไว้เลยนะคะว่า คือเหล็กกล่องชนิดเดียวกันครับ เหล็กชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ข้างในกลวง มีความยาวประมาณ 6 เมตรต่อเส้นเช่นเดียวกับเหล็กแป๊บเหลี่ยม  มีความแข็งแรงทนทานสูงมาก 

เหล็กกล่องแบน สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายทั้งแบบรับน้ำหนักน้อยไปจนถึงมาก เช่น ประกอบโครงนั่งร้าน เสา ประตู ไปจนถึงการใช้เพื่อทดแทนไม้ คอนกรีต และเหล็กรูปพรรณอื่น ๆได้ดี ประกอบโครงบ้าน ที่พักอาศัย อาคารพาณิชย์ โครงหลังคา ทำคานเหล็ก โรงจอดรถ

3. เหล็กกล่องกัลวาไนซ์

หมายถึงเหล็กกล่องแบบสี่เหลี่ยมและแบบแบนนำมาชุบเหล็กกัลวาไนซ์เคลือบตัวเหล็กกล่องอีกที จุดประสงค์ก็คือ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงในใช้งานได้ยาวนานขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดสนิม 

วิธีคำนวณการรับน้ำหนักของเหล็กกล่อง

สำหรับวิธีคำนวณความสามารถในการรับน้ำหนักของเหล็กกล่องจะสามารถคำนวนตามสูตรของวิศกรรมได้ดังนี้

ที่มา : รูปภาพจาก อ.ซือแป๋ Gnem Rvc กลุ่ม Ebook วิศวกรรม @ TumCivi

ซึ่งหากเป็นคนทั่วไปเมื่อมาเจอสูตรนี่คงต้องอุทานว่า “ทำไมเข้าใจยากจัง มีวิธีคำนวณง่ายๆ หรือไม่?” อันนี้ต้องบอกตามตรงว่า “ไม่มีเลยค่ะ” เนื่องจากการคำนวนการรับน้ำหนักของเหล็กกล่องแต่ละขนาดนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชนิดของเหล็กกล่องเพียงอย่างเดียว แต่จะขึ้นหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น วัสดุโครงสร้างที่ใช้ ลักษณะของประเภทของหลังคาที่กำหนดสร้าง ( เช่น หน้าจั่ว ทรงปั้นหยา ทรงมะนิลา ทรงเพิงหมาแหงน ทรงโค้ง ทรงแบน ทรงเหลี่ยม ฯลฯ) ขนาดความกว้าง ความยาว ความลึกของหลังคา การออกแบบโครงสร้างหลังคา ความถี่ของการวางเส้นเหล็กกล่องของโครงหลังคา ฯลฯ

ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้จะต้องถูกคำนวนขึ้นโดยวิศวกรหรือช่างที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อนำน้ำหนักของทุกอย่างมารวมกันแล้วคำนวณว่าควรเลือกใช้เหล็กกล่องขนาดเท่าไร ยาวเท่าไร และมีความหนาเท่าไร ซึ่งหากขั้นตอนนี้ไม่ถูกคำนวณอย่างถูกต้องตามหลักวิศวกร อาจจะส่งผลต่อโครงสร้างโดยรวมเสียหายก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น หลังคาถล่ม บ้านทรุด ตามมาได้ 

ดังนั้นหากคุณกำลังออกแบบบ้านเพื่อสร้างบ้านตัวตัวเอง หรือต้องการหาช่างเพื่อออกแบบโครงสร้างบ้านใหม่โดยใช้เหล็กกล่อง และคุณไม่มีความรู้เกี่ยวกับโคงสร้างที่มากพอ แนะนำว่าไม่ควรซื้อมาสร้างเองโดยเด็ดขาด และควรปรึกษาวิศวกรหรือช่างที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะจะเป้นผลดีพ่อบ้านและความปลอดภัยของคุณและครอบครัวมากกว่า 

เหล็กกล่องมีราคาเท่าไรบ้าง

ราคาของเหล็กกล่องนั้นส่วนใหญ่จะปรับเปลี่ยนไปตามตลาด และแต่ละร้านจะมีไม่เท่ากัน โดยจะมีราคาเฉลี่ยตามนี้ 

  • เหล็กกล่อง 1×1 ราคาประมาณ 140-180 บาท 
  • เหล็กกล่อง 2×1 ราคาประมาณ 300-380 บาท 
  • เหล็กกล่อง 4×4 ราคาประมาณ 1,300-1,600 บาท
  • เหล็กกล่อง 2×2 ราคาประมาณ 690-800  บาท

** เป็นราคาเหล็กกล่องธรรมดา ไม่รวมแบบชุบกัลวาไนซ์

เหล็กกล่องราคาถูกซื้อได้ที่ไหน 

สำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างหรือกำลังจะซื้อวัสดุเพื่อสร้างบ้าน การได้วัสดุที่ดีจะช่วยลดปัญหาเวลาก่อสร้างได้ดี แต่หากได้วัสดุที่มีราคาที่คุ้มค่าด้วย ก็จะยิ่งช่วยเซฟค่าใช้จ่ายได้อีกมาก ดังนั้นหากท่านต้องการให้สมการสองข้อนี้เป็นจริง ควรจะเลือกร้านจำหน่ายอุปกรณ์-วัสดุก่อสร้างที่ดีลผ่านโรงงานโดยตรง เพราะร้านเหล่านี้มักจะติดต่อโรงงานได้เองโดยไม่ต้องผ่านนายหน้า ทำให้ได้สินค้าที่ส่งตรงจากโรงงานในราคาส่ง ซึ่งเฮียเชษฐเองก็เป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้างออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เราดีลงาน สั่งซื้อสินค้าผ่านโรงงานผลิตวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างชั้นนำทั้งในและต่างประเทศไว้มากมาย ทำให้สินค้าของเรานั้นได้ราคาที่คุ้มค่าที่สุด 

นอกจากนี้เรายังมีสินค้าให้เหลือมากมายหลายเกรด ไม่ว่าจะเป็นเหล็กเกรดบี เหล็กเกรดซี เหล็กรูปพรรณ เหล็กกล่อง เหล็กราคาถูก เหล็กเส้น ฯลฯ ที่มีคุณภาพดีตามมาตรฐานรับรอง เราจัดจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง พร้อมบริการจัดส่งถึงหน้าบ้านและไซต์งานทั่วประเทศด้วยครับ

Similar Posts