lady painting a wall

การเลือกโทนสีของห้องถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบ้านแต่ละหลัง เนื่องจากโทนสีก็จะช่วยสร้างความรู้สึกและบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังเป็นขั้นตอนสำคัญในการแต่งบ้านให้ดูน่าอยู่มากขึ้นไปอีก สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกสีทาบ้าน คือเรื่องของคุณภาพ ความสวยงาม ความคงทน อีกท้ังต้องช่วยเสริมให้บ้านมีความโดดเด่นในแบบที่คุณชอบอีกด้วย

ประเภทของสีทาบ้าน

สำหรับใครที่กำลังมองหาสีทาบ้านเพื่อตกแต่งบ้านอยู่ล่ะก็ ควรทำความรู้จักเกี่ยวกับประเภทของสีให้ดีกันเสียก่อน เพราะสีทาบ้านมีอยู่หลากหลายประเภท เหมาะกับการใช้งานและพื้นผิวที่ต่างกัน แต่ประเภทหลักๆ ที่นิยมนำมาใช้กัน คือสีน้ำ สีน้ำมัน สีทาไม้ และสีกัลวาไนซ์ โดยแต่ละประเภทมีจุดเด่นดังนี้ 

  • สีน้ำทาบ้าน: มีให้เลือกทั้งสีน้ำอะคริลิคและสีน้ำพลาสติก ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย เหมาะแก่การทาบนพื้นผิวปูนซีเมนต์และคอนกรีตเพื่อให้ได้สีตามต้องการ สามารถใช้ได้ทั้งภายนอกและภายในบ้าน ซึ่งจะมีกลิ่นและสารเคมีที่บางเบากว่า
  • สีน้ำมัน: เป็นสีที่ใช้น้ำมันหรือทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย ให้สีที่เงางาม เหมาะสำหรับการทาบนผิวโลหะหรือผิวไม้ เนื่องจากตัวเนื้อสีจะแห้งช้า และมีราคาค่อนข้างสูง
  • สีทาไม้: จะเป็นสีที่ช่วยเพิ่มความสวยงาม ให้เนื้อไม้ดูสด และเพื่อช่วยให้เนื้อไม้กลายเป็นสีต่างๆ ได้ตามต้องการ
  • สีกัลวาไนซ์: สีประเภทนี้เหมาะกับการใช้งานกับเหล็กหลากหลายประเภท ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากทาง่าย ไม่ต้องทารองพื้น แห้งเร็ว สามารถยึดเกาะได้ดี และประหยัดยิ่งกว่าเดิม

10 เคล็ดลับที่ช่วยเลือกสีทาบ้าน

1. เลือกตามความสว่างจากแสงธรรมชาติ

แสงสว่างของธรรมชาติจะเป็นหนึ่งในตัวกำหนดสำหรับการเลือกสีทาบ้าน ถ้าหากแสงส่องเข้ามาในบ้านได้น้อย หรือว่าห้องนั้นๆ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ก็ควรเลือกโทนสีที่สว่างเพื่อให้ห้องดูกว้างและไม่อึมครึมจนเกินไป ถ้าหากห้องนั้นตั้งอยู่ทางทิศใต้ หรือได้รับแสงสว่างจากภายนอกอย่างมาก ควรที่จะเลือกโทนสีเข้ม เพื่อลดความเข้มของแสงภายในห้อง

2. เลือกตามทฤษฎีสี

การนำทฤษฎีสีจะเข้ามาช่วยจัดการปัญหาในการเลือกสีทาบ้านให้กับคุณได้ แม้ว่าคุณจะไม่มีพื้นฐานในเรื่องนี้มาก่อนก็ตาม เช่น ถ้าหากคุณต้องการให้ห้องนั้นรู้สึกถึงความอบอุ่น สงบนิ่ง การเลือกโทนสีใกล้เคียงกับธรรมชาติจะช่วยตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีอย่างสีเอิร์ธโทน สีน้ำตาลอมเหลือง สีเขียวเข้ม เป็นต้น หรือถ้าหากต้องการสร้างความแอคทีฟและพลังงานให้กับห้องของคุณ การเลือกสีโทนร้อนก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าหากต้องการให้ห้องของคุณช่วยลดความกระวนกระวาย เพิ่มความสบายใจ การเลือกใช้สีโทนเย็นหรือโทนสีกลางๆ ก็จะช่วยให้สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

3. เลือกโทนสีตามประเภทของห้อง

แต่ละห้องนั้นมีจุดประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องน้ำ หรือห้องครัว การเลือกโทนสีทาบ้านให้เข้ากันในแต่ละห้อง ควรจะต้องเลือกโดยคำนึงถึงลักษณะการใช้งานเป็นหลัก เนื่องจากจะส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของผู้ที่อยู่อาศัย อย่างเช่น หากคุณชอบความเรียบง่ายและเคร่งขรึมควรเลือกสีขาว หรือสีเทาสำหรับห้องนอน แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่หลับยากควรเลือกสีน้ำเงิน เพราะสีนี้เป็นสีที่ช่วยในเรื่องการนอนหลับ หรือสำหรับห้องนั่งเล่น สีที่เหมาะสมคือสีเหลืองอ่อน เพราะสีนี้จะช่วยกระตุ้นการจดจำและความคิดสร้างสรรค์ หรือใครจะเลือกทาสีขาวและสีเขียวก็จะช่วยให้เกิดความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี 

4. เลือกสีทาบ้านให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์

อีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้ง่ายมากที่สุดคือการเลือกสีทาบ้านให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน เตียง โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา หรือแม้กระทั่งตู้หนังสือก็ตาม ซึ่งเราสามารถเลือกโทนสีให้ไปในโทนเดียวกันกับเฟอร์นิเจอร์ หรือจะเลือกสีตรงข้ามระหว่างเฟอร์นิเจอร์กับผนังก็ยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศของห้องให้แตกต่างกว่าเดิมได้อีกด้วย

5. เลือกทาสีตามสไตล์ส่วนตัว

แต่ละคนย่อมมีสไตล์ในแบบที่ตัวเองชอบ การเลือกโทนสีของสีทาบ้านนั้นอาจจะเลือกตามสไตล์ที่ได้คิดเอาไว้ หรืออาจมองหาดีไซน์การตกแต่งใหม่ๆ ที่น่าสนใจจากสื่อต่างๆ มาเป็นตัวอย่างก็ได้ เช่น หนังสือแต่งบ้าน หรือเพจบนสื่อโซเชียลมีเดีย จากนั้นลองปรับให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง ไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้โทนสีบ้านที่ถูกใจมากที่สุดก็เป็นได้ 

6. เลือกโทนสีตามความชอบของคนในบ้าน 

เนื่องจากในพื้นที่ส่วนรวมเป็นพื้นที่ที่ต้องใช้ร่วมกันกับทั้งหมดภายในบ้าน การเลือกสีทาบ้านให้ตรงกับความชอบของคนในบ้านนั้น ก็คือเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน

7. เลือกใช้ 3 สีภายในห้องเดียวกัน

การเลือกใช้สีทาบ้าน 3 สีภายในห้องเดียวกัน จะช่วยสร้างความน่าสนใจหรือความมีชีวิตชีวาให้กับห้องได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการทาบริเวณผนังส่วนล่าง ผนังส่วนบน หรือแม้กระทั่งบนเพดาน ก็ยิ่งช่วยให้ห้องของคุณดูน่าสนใจมากขึ้นทีเดียว 

8. ทดลองสีก่อนทาจริง

เนื่องจากสีที่เราต้องการนั้น อาจจะไม่เข้ากับห้องก็เป็นไปได้ ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจทาสีจริงๆ ควรที่จะทาลงบนแผ่นทดลอง เพื่อดูความสว่างและดูว่าเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องหรือไม่ เพราะในขั้นตอนนี้จะเป็นการเช็กครั้งสุดท้าย ว่าสีที่คุณเลือกซื้อมานั้นตรงกับความต้องการและถูกใจคุณจริงๆ หรือเปล่า

9. เลือกสีที่ได้มาตรฐาน

การเลือกสีทาบ้านที่ได้มาตรฐานนั้นจะช่วยให้บ้านของคุณนั้นสวยงาม ตรงกับความต้องการ และยิ่งเลือกจากมาตรฐานและคุณสมบัติพิเศษนั้นก็จะช่วยให้สีติดทนนาน ทนต่อความร้อน ป้องกันคราบ เช็ด ปราศจากสารระเหย เป็นต้น 

10. คำนึงถึงการใช้งานในระยะยาว

การเลือกสีทาบ้านนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องพิจารณาอย่างดี เพราะถ้าหากเลือกสีตามเทรนด์ที่ฮิตเพียงชั่วคราว เมื่อเวลาผ่านไปอาจทำให้ดูล้าสมัยได้ หากการเลือกโทนสีกลางๆ ที่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ได้นั้น ก็จะช่วยลดปัญหาของการเปลี่ยนสีบ้านที่อาจเกิดในภายหลังได้อีกด้วย 

สีทาบ้านยอดฮิตที่เฮียเชษฐอยากแนะนำ

สี TOA: สีทาบ้านยอดฮิตที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน และมีความโดดเด่นในเรื่องของความทนทานและคุณภาพสูง ยิ่งสีรุ่นใหม่ๆ ยิ่งมีคุณสมบัติพิเศษให้เลือกใช้งานอย่างมากมาย ทั้งการป้องกันการเกาะของฝุ่นละออง การชำระล้างคราบสิ่งสกปรกเมื่อฝนตก

สี Dulux: สำหรับสีทาบ้าน Dulux นั้นจะโดดเด่นในเรื่องของนวัตกรรมที่จะเข้ามาช่วยป้องกันรอยแตกร้าวและการผุกร่อนจากสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี

สี Jotun: หนึ่งในสีทาบ้านที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เนื่องจากคุณภาพของสีและคุณสมบัติที่ติดแน่นทนนาน และให้ความสวยงามตรงตามความต้องการ

สี Nippon Paint: สีทาบ้านจากประเทศญี่ปุ่นที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งาน ความทนทานต่อสภาพอากาศ ไร้กลิ่นและสารระเหยที่เป็นพิษอีกด้วย
ถ้าหากใครยังไม่มั่นใจว่าจะเลือกสีทาบ้านแบบไหนดี เฮียเชษฐช่วยได้ เพราะเรามาพร้อมกับทีมงานที่รู้ลึก รู้จริง ที่จะคอยให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่ หากอยากได้คำแนะนำเรื่องสีทาบ้าน สามารถติดต่อ เฮียเชษฐได้เลย

Similar Posts